วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

อะไรตัดสินความเป็นแมน


คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นเกย์... ยังเป็นคำอุปมาอุปมัยที่ใช้อย่างได้ผล เพราะตอนนี้ถ้าเปรียบเทียบสัดส่วนของประชากรโลก จะพบว่าประชากรผู้ชายนั้นลดลงเหลืออยู่เพียง 1 ใน 3 ของประชากรโลกทั้งหมด แต่ที่น่าเศร้าใจสำหรับคุณสาวๆ นั่นคือ ผู้ชายเทียมหรือที่เรียกว่าเกย์ที่หลงอยู่ในกลุ่มของผู้ชายแท้ๆ ทั้งแท่งนั้น กลับจำแนกแยกแยะได้ยากเสียยิ่งกระไร คุณสาวๆ เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า ทำไมผู้ชายหล่อ ล่ำ สะอาด อารมณ์ดี อ่อนโยน และพูดจาไพเราะ ที่เคยเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ หลายคน แต่ตอนนี้เป้าหมายเหล่านั้นดันกลายเป็นเกย์ไปเสียเกือบหมดแล้ว วันนี้จะนำทริปดีๆ ไปพิสูจน์คุณผู้ชายใกล้ตัว ว่าเขายังแมนทั้งแท่งหรือไม่? พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลจาก Viren Swami หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่มาไขข้อกระจ่างกับเรื่องราวของเสน่ห์ในตัวผู้ชาย ให้คุณผู้หญิงชอนไชอย่างหมดเปลือก เกย์ส่วนมากชอบเข้าฟิตเนส? ทำไมเกย์ถึงชอบเข้าสถานออกกำลังกาย ในขณะที่เลสเบี้ยนไม่เคยสนใจเรื่องรูปร่าง แต่เกย์กลับกระตือรือร้นที่อยากจะมีรูปร่างดีๆ และมักวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองมากกว่าผู้ชายแท้ๆ เกย์ส่วนมากจะจำกัดเรื่องการกินอาหาร และมักมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าผู้ชายปกติ สถานที่แห่งแรกที่เกย์จะเลือกใช้มากที่สุดนั่นคือ ฟิตเนส เพื่อปฏิวัติหุ่นของเขาให้บึกบึน ฟิตเปรี๊ยะ และมีกล้ามเนื้อแขนและขาเป็นมัดๆ Viren Swami กล่าวว่า "สาเหตุที่เกย์ส่วนใหญ่จะเลือกดูแลรูปร่างหน้าตาของตัวเองเป็นอย่างดี อันดับแรกก็เพื่อสร้างความมั่นใจในตนเอง เพื่อให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกคนยอมรับตนเองเป็นเพื่อน ให้คิดและเชื่อว่าเป็นผู้ชายแท้ 100% เพราะอย่างน้อยๆ จะได้สามารถอยู่ร่วมกับคนทุกคนได้ทั้งหญิงและชายนั่นเอง" นอกจากนี้ในฟิตเนสยังมีครูฝึกหนุ่มๆ หล่อๆ และเพื่อนชายอีกเพียบเพื่อเป็นอาหารตาให้เหล่าเกย์ไฮโซได้แทะเล็ม เกย์ส่วนมากชอบแวกซ์ขน? ขนต่างๆ ทั่วร่างกายเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ของเกย์ (ยกเว้นขนตา) การไม่มีขน แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนคนนั้นแลดูอ่อนเยาว์ เกลี้ยงเกลา และสะอาดสะอ้าน แต่อย่างไรก็ตาม สาวๆ ส่วนมากจะชอบผู้ชายที่มีขน โดยเฉพาะหนวดและเครา การไม่มีขนเลยในผู้ชาย ย่อมไม่ใช่สิ่งที่น่าดึงดูดใจนัก แต่กลับเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่สมบูรณ์แบบของความเป็นแมน โดยเฉพาะขนหน้าแข้งและขนหน้าอกของผู้ชาย ที่แสดงออกถึงความเป็นแมนอย่างที่สุดแล้ว ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา พบว่าสังคมของหนุ่มตะวันตก มีผู้ชายที่นิยมการโกนขนตัวเองถึง 60% (แต่ยกเว้นกรณี David Beckham ที่ชอบโกนหัวตนเองอยู่เป็นประจำ) Swami กล่าวเสริมว่า "ผู้ชายจำเป็นต้องโกนขนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและค่านิยมของแต่ละคนด้วย บางคนก็บอกว่าการมีหนวดเครานั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นแมน แต่สาวๆ บางคนก็ไม่ชอบ การศึกษาในระหว่างปี 1970-1980 จึงพบความแตกต่างอยู่บ่อยครั้ง ระหว่างผู้ชายที่ไว้หนวดกับผู้ชายหน้าใสเกลี้ยงเกลา" "ถึงแม้หนวดเคราจะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมีวุฒิภาวะ ความเป็นผู้นำ กล้าหาญ และมีความเป็นแมนค่อนข้างสูงกว่าผู้ชายที่ไม่ไว้หนวดเครา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นที่ปรารถนาของคุณสาวๆ เวลาที่อยู่บนเตียงนอนหรอก ในบางช่วงบางเวลาหนวดเครากลับเป็นสิ่งล้าสมัย แถมยังดูสกปรกและรกรุงรัง การจะไว้หนวดหรือเครานั้นบางครั้งต้องขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวและแฟชั่น ตามกระแสของเวลานั้นๆ ด้วย" คงสรุปง่ายๆ ได้ใจความว่า หากผู้ชายใกล้ตัวคุณหันมาปฏิวัติตัวเองใหม่โดยการโกนขนหน้าแข้งและแวกซ์ขน หน้าอก แถมเข้าฟิตเนสอย่างหักโหม แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะ...

เกย์ ไม่ เกย์ ดูได้ เป็นแมนตัวจริง หรือเกย์กันแน่



เกย์ ไม่ เกย์ ดูได้ เป็นแมนตัวจริง หรือเกย์กันแน่
เกย์ ไม่ เกย์ ดูได้ เป็นแมนตัวจริง หรือเกย์กันแน่ เกย์ ไม่ เกย์ ดูได้ เป็นแมนตัวจริง หรือเกย์กันแน่ คุณอยากรู้ว่า แฟนหนุ่มคนรักของคุณเป็นเกย์หรือแมนแท้ๆ ให้สังเกตพฤติกรรมต่อไปนี้เลย
1.คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นเกย์
โถ โถ แซวเล่น เพราะเฮ้อ...ถ้าแมนจริงชอบหลีสาว แต่เกย์จะสนชายด้วยกัน ฉะนั้น ถ้าสาวอยากรู้ว่าแฟนเป็นเกย์รึเปล่า? งั้นชวนเพื่อนชาย (ที่เป็นเพื่อนผู้ชายของหนูจริงๆ) แต่คัดที่หุ่นเฟิร์ม, ร่างกำยำ และหน้าอินเทรนด์แนวลูกครึ่ง มาเจอแฟนของคุณสิ หากพบกันแล้ว แฟนของคุณไม่สนใจเพื่อนหุ่นกระชากใจสาวรายนี้เลย ก็แฮปปี้ได้ แต่ถ้าแฟนเกิดชอบขึ้นมา ชนิดส่งสายตาระยิบระยับเป็นประกายเวลาพวกเค้าพูดคุยกัน หรือแฟนคุณแอบมองเพื่อนชายด้วยสายตาเชิญชวนละก็ เริ่มสงสัยว่า เป็นเกย์ได้เลย เชอะ... สายตามันฟ้องอยู่ทนโท่ ทำใจได้เลย เกย์ ชัวร์
2. ถ้าแมนจริงจะไม่ชอบตุ๊กตา มีแต่ เกย์ เท่านั้นที่ชอบ โดเรม่อน คิดตี้
เหตุนี้หากแฟนคุณ สะสมตุ๊กตาบาร์บี้ โดย เฉพาะตัวที่แต่งชุดนางงาม ด้วยแล้ว และบนเตียงมีตุ๊กตาเต็มไปหมด หรือชอบเปิดดูช่องกีฬาบ่อยๆ แต่ไม่ได้ดูที่เกมหรอกนะ เพราะมัวดูนักกีฬาแทน แถมยังชอบวิพากษ์วิจารณ์กับแฟนสาวว่า ดูนักกีฬาคนนั้นสิ เก๊ง เก่ง แต่ที่จริงน่ะอยากชมต่างหากละว่า หล๊อ หล่อ ก็ขอให้สาวๆทำใจไว้ ยิ่งเป็นกีฬาว่ายน้ำชายและวอลเลย์บอลชายหาดด้วยแล้ว ว้าว! ถูกใจเค้าจังเลย ว่าแล้วก็ส่งเสียงกรี๊ดๆ ตามเชียร์มันทุกนัด แถมน้ำลายยังเล็ดออกมาเพราะใจสั่นสยิวด้วยอีกแน่ะ โอ้ย ยังต้องให้บอกอีกเรอะ ว่าเค้าเป็นไง โย้นๆ
3. หากแมนจริงไม่ค่อยสนเรื่องแต่งเนื้อแต่งตัว
ยกเว้นเวลาไปทำงานก็ต้องเรียบร้อยนิดนึง แต่เกย์เนี่ย จะแคร์เรื่องผิวพรรณและการแต่งตัวเป็นพิเศษ คือถ้าไม่เนี้ยบไม่ยอมเดินออกจากบ้าน หล่อนจะแต่งตัวเดิร์น (ทันสมัย) ใส่เสื้อผ้ารัดรูป บางที ตัดผมทรงแปลกๆ, เจาะหูและใส่เฟอร์นิเจอร์เพียบแปล้ ยิ่งถ้ารวยด้วยแล้ว เฟอร์นิเจอร์จะยิ่งแพรวพราว แบบทำไงก็ได้ขอให้ตัวเองดูดีในสังคมเข้าไว้ ตู้เย็นของเกย์งี้ แทบจะเป็นตู้เก็บเครื่องสำอางประทินความงามซะมากกว่าเก็บของกินไว้เจี๊ยะซะอีกนะ หนำซ้ำยังชอบช็อปปิ้งด้วยดิ่ เดินทัวร์เสื้อผ้า หน้าผมเป็นว่าเล่น แล้วถ้าเครื่องประทินความงามมีออกใหม่และหล่อนใช้ได้ผล ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงมี น้ำมีนวล และลบรอยย่นได้ด้วย รับรองพี่เกย์ของเราจะซื้อเหมาแทบยกโหล บางท่านโหลเดียวไม่พอ ซื้อซะ 2-3 โหลไปแจกเพื่อนเกย์ด้วยกันซะเลย เนี่ยะมีน้ำใจในหมู่เกย์ด้วยนะ ไม่ได้ “ห่วงสวย” คนเดียว ซะที่ไหน
4. หากแมนจริงจะเอาใจผู้หญิงเก่งแต่น้อยกว่าเกย์ ขอบอก
หนุ่มจริงๆ ขยันเอาใจแฟนสาวแต่เฉพาะในช่วงเริ่มรักเริ่มชอบซะเป็นส่วนมาก แต่พอเลิฟกันไปนานๆ เอ๊ะ ทำไมหญิงกลับต้องไปง้อแฟนของตัวด้วยเฮ้ย ส่วนเกย์ค่อนข้างสม่ำเสมอกับสาวๆนะ แถมคุยกับแฟนสาวจุ๋งจิ๋งดี๊ด๊าได้เกือบทุกเรื่องด้วยสิ จะเม้าท์เรื่องชาวบ้านก็ได้, จะคุยเรื่องความสวยความงามก็ตรงสเปก แล้วถ้าฝ่ายหญิงถูกรังแกละก็ เกย์ยังมีวาทศิลป์ ช่างเหน็บแนมแซมขบกัดแถมด่าเจ็บอีกต่างหาก เผลอๆสามารถบุกไปจิกตบให้ เลยด้วยซ้ำ
ซึ่งที่เล่าเป็นแค่ไอเดียคร่าวๆ ไม่ใช่สิ่งตายตัว เพราะเค้าอาจไม่หลุดอะไรออกมาให้จับได้ไล่ทันเลยสักอย่างก็ได้ จึงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าเผื่อ เป็นแฟนกันไม่ได้ แต่คิดสะระตะแล้วเค้าจิตใจน่าคบ ก็ผูกมิตรไว้เป็นเพื่อนซะเลยสิฮ้า

รักที่ยาวนานกับรักแบบฉาบฉวย


ผมมีแฟนแล้วครับ จากเริ่มต้นจนถึงตอนนี้...ย่างเข้าปีที่ 8 แล้วครับเราห่างกัน 10 ปี แฟนผมแก่กว่าเค้าเจอผมก่อนหลายครั้งในร้านหนังสือ และแอบมองเรื่อยมาจนครั้งหนึ่งเค้าโทรหาผม โดยที่ผมไม่รู้ว่าได้เบอร์มาจากไหนและขออนุญาติผม โทรหาผมทุกวัน...บทสนทนาเดิม ๆ ในเวลาไม่ถึง 10 นาที(ต่างคุยไม่เก่ง)ของแต่ละวัน...ล่วงเลยมาเกือบปีผมยังเฉย ๆ แกมรำคาญด้วยซ้ำวันหนึ่ง...เค้าเอ่ยปากขอผมเป็นแฟนผมได้แต่เงียบ...เพราะไม่เคยเจอหน้าเค้าซักครั้งที่มากกว่านั้น..ผมไม่เคยมี "รัก" ความรู้สึกของผมยังคง...เฉยเมยเค้าอาจรู้สึกได้จึงบอกว่า "ไม่เป็นไร ผมไม่ได้เร่งรีบ"ผ่านมาเกือบ 2 ปี ผมตัดสินใจเรียนต่อในจังหวัดเดียวกับที่เค้าอยู่(เป็นที่เดียวที่น่าสนใจ ไม่เกี่ยวกับเค้าหรอกครับ)เค้าขออาสาขับรถมารับและส่งผมที่บ้าน ไกลข้ามจังหวัดเลยทีเดียวผมเกรงใจเค้ามาก และบอกผมช่วยตัวเองได้เค้าไม่ยอมพูดกับผมว่า "ผมเต็มใจครับ"ผมเหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานต่อหารู้ไม่ว่า....งานของเค้าหนักเหนื่อยยิ่งกว่า ยังปลีกตัวมาขับรถให้ผมอีกไม่มีคำบ่นให้ผมได้ยินเลยซักครั้งลองกลับมาคิดอีกครั้ง...เค้ายังคงโทรหาผมทุกวันเค้าไม่เคยล่วงเกินผมเลยแม้แต่ครั้งเดียวแค่ขอจับมือผมเท่านั้น2 ปีกว่า ผมไม่รู้เลยว่าเราเปลี่ยนมาใช้คำว่าแฟนกันตอนไหนระยะทางเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา ผมมีความสุขมาก ๆพูดถึงเรื่องทะเลาะ เราแทบจะไม่มีให้เห็นจากคนที่สูบบุหรี่จัด เค้าเลิกเพื่อผม เพียงแค่ผมเอ่ยปากจากคนที่ไม่ชอบสุนัข ตอนนี้คลั่งมากกว่าผมเป็นไหน ๆจากคนที่ใจร้อนวู่วาม เปลี่ยนเป็นคนใจเย็นมากขึ้นวันแรกดูแลผมยังไง วันนี้ยังคงเป็นอย่างนั้น และมากขึ้นเรื่อย ๆความสุขที่ผมได้รับ น่าจะมากพอแล้วใช่มั๊ยครับแต่ผมยังคงเผลอกับความสุขแบบฉาบฉวย โดยที่ผมไม่ตั้งใจอีกแค่ครั้งเดียว...มันทำให้ผมรู้สึกผิดมากมายเป็นแผลในใจที่ผมไม่อาจลืมผมโง่มากใช่มั๊ยครับกับสิ่งที่ผมทำบางครั้งผมอยากให้คุณรู้...ว่าผมไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณเห็นไม่มีอีกแล้วครับ กับความผิดพลาดที่ทำให้ตัวผมเจ็บ และทำร้ายคุณหากคุณรู้สิ่งที่ผ่านมาแล้วผมไม่สามารถแก้ไขใหม่ได้แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่ข้างหน้าผมสัญญาด้วยใจ...ผมจะไม่เผลอตัวถึงตรงนี้สิ่งที่ผมทำได้เพียงอย่างเดียวคือ.....ขอโทษครับผมขอโทษ......

ขอบคุณเจ้าของบทความ ทุกบทความให้เราได้นำมาถ่ายทอดแบ่งปัน

จริงหรือ ? ที่เขาว่าสังคมไทยโดยรวม ยอมรับกลุ่มเพศที่ 3 ได้


กฎหมายแพ่งหลักทั่วไป ในส่วนที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรส ซึ่งอาจารย์ผู้บรรยาย ก็คือ รศ. ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ (ถ้าใครติดตามข่าวพวกการเมือง ก็คงจะรู้จักท่านบ้างไม่มากก็น้อย) ซึ่ง อาจารย์บรรยายให้ฟังว่า ในตอนนช่วงที่มีการร่าง รธน. ฉบับปี 40 ได้มีกลุ่มเพศที่ 3 หรือกลุ่มรักร่วมเพศ ได้มีการออกมาเรียกร้องในบัญญัติ กฎหมายเพื่อรับรองสิทธิและเสรีภาพของกลุ่มเพศที่ 3 โดยเฉพาะอย่าง อย่างเช่น ให้สามารถจดทะเบียนสมรสระหว่างชายกับชายได้ (ตามกฎหมายไทยในปัจจุบันไม่สามารถทำได้ แม้ว่าจะแปลงเพศแล้วก็ตาม) หรือเปลี่ยนคำนำหน้าจาก นาย เป็น นางสาว ให้เหมือนกับกฎหมายของต่างประเทศ เช่น เยอรมัน ที่สามารถได้ทำ ซึ่งอาจารย์ก็เป็นคนบอกเอง เขานี่แหละเป็นคนคัดค้านไม่ให้นำไปบัญญัติไว้ ซึ่งเหตุผลที่เขาคัดค้าน ไม่ใช่เพราะเขารังเกียจกลุ่มเพศที่ 3 ตัวเขาเองก็เป็นอาจารย์มานาน เจอคนจำพวกนี้มาก็เยอะ ลูกศิษย์ของเขาบางคนที่เป็นกระเทย มีความประพฤติที่ดี น่ารักกว่าคนที่ปกติก็มีเยอะไป แต่ที่ไม่ให้บัญญัติเนื่องจากเขามองว่า สังคมไทยในตอนนี้ ยอมรับเรื่องพวกนี้ได้กันเองอยู่แล้ว เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่อลุ่มอล่วย ซึ่งถ้าหากนำสิทธิเหล่านั้นไปบัญญัติไว้เป็นกฎหมาย ปัญหาที่ตามมา ก็คือ พวกที่ต่อต้านหรือรังเกียจก็จะออกมาคัดค้าน ไม่เห็นด้วยอีก เขาจึงเสนอว่าไม่ควรนำไปบัญญัติเอาไว้ ซึ่งในตอนนั้นผมก็เห็นด้วยกับเหตุผลที่เขาให้ไว้ แต่ในตอนนี้ผมลองมานั่งคิดทบทวนดู ประกอบกับที่ผ่านมา ผมก็เจอประสบการณ์ที่พอรู้ว่า ผมเป็นเกย์ ก็ถูกกลุ่มเพื่อนรังเกียจ ตีตัวออกห่างทันที ใครที่มาสนิทสนมก็จะถูกล้อเลียน พอผมเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลยต้องปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้ ก็เลยทำให้ได้เห็นอีกว่า ในกลุ่มพวกผู้ชาย พอมันไม่เรื่องอะไรจะคุย นอกจากเรื่องหนังโป๊แล้ว มันก็จะเอาเรื่องทำนองเช่น วันนั้นนะกรูเจอกระเทย แมร่งมองกรู โคตรอยากเตะแมร่งเลย มาคุย ผมเลยคิดว่า คนที่รับเรื่องพวกนี้ได้คงไม่ใช่พวกผู้ชาย ส่วนใหญ่น่าจะเป็นพวกผู้หญิงมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มของผมบางคนก็รับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ หรืออย่างกรณี ดาราที่พอมีข่าวลือว่า เป็นเกย์ ก็กลายเป็นข่าวใหญ่โตครึกโครม เพราะอย่างนี้นี่แหละ มันจึงเป็นเรื่องที่จริงหรือ ? ที่สังคมไทยโดยรวมรับ ยอมรับกลุ่มเพศที่ 3 ได้
...ขอบคุณเจ้าของบทความทุกบทความที่เราได้นำมาถ่ายทอดให้ได้รับรู้กันคับ

เรือเมล์รอรัก


เรือเมล์เร่รัก
วันนั้นผมอารามรีบจะกลับบ้านเพราะว่ากลัวจะติดฝนกลางทาง เห็นเรือข้ามฟากกำลังจะออกอยู่พอดีก็เลยโดดขึ้นไปเบียดกับเขาเลย เรือแล่นออกไปได้ไม่เท่าไหร่ฝนก็กระหน่ำลงมาจริงๆ พวกผู้โดยสารแห่มาออกันตรงกลางลำจนแน่นจังหวะนี้เองที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่า ธัมบ์ไดรว์สุดรักที่ห้อยคออยู่ทุกวี่วันจะไปเกี่ยวกันกับกระเป๋าของยายคนงานที่ยืนเบียดอยู่หน้าผมจนมันหลุด ผมได้ยินเสียงดังแกร๊กแต่ไม่ทันได้เอะใจ พอเรือจอดพวกผู้โดยสารก็กรูกันวิ่งขึ้นไปหลบฝนบนท่าเรือผมเองก็รีบไปต่อรถกลับบ้านเหมือนกันทีนี้พอถึงบ้านผมก็รีบถอดเสื้อผ้าออก แต่ปรากฏว่าสร้อยคอผมมันเหลือแต่ปลอกเท่านั้นที่ติดอยู่ เท่านั้นแหละผมตาแหกเลย งานเขียนผมเป็นสิบๆเรื่องแล้วไหนจะภาพอีก ตายแหงๆเลยผมนึกถึงตอนที่ได้ยินเสียงอะไรหล่นในเรือ เลยปักใจเชื่อว่ามันจะต้องตกที่นั่น แต่ผมก็ลองเดินไปหาตลอดทางที่ผ่านมานะครับ ก็ไม่เจออะไรเลย ธัมบ์ไดรว์ผมมันหน้าตาแปลกๆครับ เป็นแบบที่ทำเลียนแบบหมากฝรั่งยี่ห้อดังเพราะทรงมันคล้ายๆกัน แต่ว่ามันจะหนากว่าหน่อยแถมยังสกรีนลายเหมือนกันอีกด้วยแต่การที่จุกมันหลุดออกมาทำให้คนมองดูรู้ว่ามันคือธัมบ์ไดรว์ 2 จิ๊กราคาตั้งเกือบพัน ไอ้เงินไม่เสียดายหรอกครับแต่งานที่เขียนเอาไว้แล้วกับรูปภาพประกอบนี่สิกว่าผมจะไปถึงท่าเรือเมล์ก็ค่ำ ความหวังผมจะหมดอยู่รอมร่อแล้ว จำก็จำไม่ได้ด้วยว่าขึ้นลำไหนมา ดูๆทันก็เหมือนกันหมดแถมตอนนั้นผมเองก็รีบด้วยผมเห็นเงาหนุ่มรุ่นๆสามคนนั่งดูดบุหรี่กันอยู่บนท่าข้างๆ คนหนึ่งใส่แต่กางเกงยีนส์เข่าขาดตัวเดียวหุ่นเพรียวแกร่ง ที่เอวห้อยตะกรุดและปลัดขิกอันใหญ่ เขานั่งเอาขาราน้ำอยู่ อีกคนใส่กางเกงขาสั้นสีกากีเหมือนเป็นเด็กนักเรียนตัวเดียวแถมตัดผมสกินเฮดหุ่นผอมๆบางๆเหมือนกัน ส่วนคนสุดท้ายตัวใหญ่สุดตัวดำๆล่ำสันใส่ชุดเครื่องแบบคนขับเรือเอาเสื้อพาดบ่าไว้ใส่แต่เสื้อกล้ามสีขาวข้างใน กล้ามเนื้อต้นแขนและหัวไหล่จรดแผ่นหลังสักยันต์พรึ่บในความมืดนั้นผมก็มองเห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่ ผมมองไปที่พนักงานเก็บตังค์ก็ไม่อยู่แล้ว และถึงถามไปก็คงไม่รู้อะไรอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจเดินไปหาสามหนุ่มนั่น“ พี่ครับๆ มีใครเก็บธัมบ์ไดรว์ได้ไหม?“ พี่คนขับเรือหันมามอง หน้าตาเขาก็โอเคอยู่แต่ไว้เคราสั้นๆที่คางดูแล้วน่ากลัว หุ่นก็ล่ำบึ้กแถมยังสักยันต์ด้วย เขาส่ายหัว “ ไม่รู้จัก “ผมเลยเอาจุกที่เหลือออกมาให้ดู ก็พอดีกับที่สองหนุ่มนั่นเดินมาสมทบ น้องคนที่เป็นเด็กนักเรียนหล่อมากเลยครับ เสียดายที่หัวแกมีแผลเป็นหลายที่ ท่าทางจะเกเรไม่ใช่ย่อย แต่อีกคนที่ใส่ยีนส์เข่าขาดตัวเดียวหน้าตาก็แบบบ้านๆ เขาขมวดคิ้วดูแล้วถามผม “ ไฟแช็คเหรอ ? ““ ไม่ใช่ไฟแช็คครับ ธัมบ์ไดรว์ ผมเก็บข้อมูลงานเอาไว้น่ะครับมันสำคัญมากด้วย “ผมทำมือให้ดู “ เป็นแท่งแบนๆยาวลายมันคล้ายๆห่อหมากฝรั่ง “ไอ้น้องคนโย่งดีดนิ้วดังเป๊าะ “ เออ นั่น กูว่าแล้วว่ามันไม่ใช่ไฟแช็ค ปากมันแบนๆมีรู ““ ครับๆ อันนั้นน่ะแหละครับ “ ผมดีใจตัวสั่นเลย“ ไอ้กิตมันกวาดเจอเมื่อหัวค่ำนึกว่าไฟแช็คเลยเก็บเอาไว้ เฮ้ย ไปเอามาให้เขาดิวะ“ น้องคนที่ใส่กางเกงนักเรียนวิ่งขึ้นไปบนเรือที่จอดอยู่ สักพักก็โดดกลับมา ในมือมีธัมบ์ไดรว์ของผมด้วย ผมล่ะอยากจะแหกปากร้องไชโย“ ขอบคุณครับพี่ “ ผมยกมือไหว้คนขับเรือ “ น้องขอบใจนะครับ “ผมรับมาแล้วรีบกดฝาปิด ถอนหายใจอย่างโล่งอก คราวนี้ผมเก็บใว้ในกระเป๋าเลย“ เออ ไม่เป็นไรหรอก วันหลังถ้ารู้ว่าสำคัญก็เก็บไว้ดีๆนะ “ พี่คนที่เป็นคนขับเรือบอกผมละซึ้ง ดูเขาร้ายๆกันทั้งนั้นไม่คิดว่าเขาจะมีน้ำใจขนาดนี้ แต่ผมคงจะต้องเลิกล้มความคิดที่ว่าวัดคุณภาพคนกันด้วยการศึกษาเสียแล้ว นี่ถ้าหากผมทำมันหล่นหายที่มหา’ลัย อย่าหวังเลยว่าจะได้มันคืน“ แล้วนี่จะกลับยังไงล่ะ “ พี่คนขับเรือถาม“ อ๋อ บ้านผมอยู่ตรงวัด.....นี่เองครับ นั่งสามล้อหรือเดินไปก็ได้ ““ เออ กลับดีๆล่ะ โชคดีไอ้น้อง “ พี่เขายิ้มให้ผมเห็นเขาดีดบุหรี่ลงน้ำแล้วเดินกลับไปลงเรือ ผมมองตามไปเห็นคนตัวโย่งหิ้วพวงปลาดุกรัสเซียตัวเป้งกับขวดเหล้าขาวสองขวด สงสัยจะตกเอาที่ท่าเรือนี่แหละเพราะว่ายังเป็นๆอยู่เลย ไอ้หนุ่มกางเกงนักเรียนที่ชื่อกิตโดดตามลงไป ที่จริงผมน่าจะซื้ออะไรมาให้เขาทานกันนะจะได้เป็นสินน้ำใจนึกได้ดังนั้นผมก็เดินย้อนกลับออกไปทางหน้าท่าเรือซึ่งตอนนี้เงียบเหงาไปมากแล้วเนื่องจากไม่ใช่เวลาเรือเดินจึงไม่มีผู้โดยสาร และตลาดก็กำลังวายตามผมแวะเข้าร้านสะดวกซื้อสั่งพวกแหนมกับของขบเคี้ยวที่น่าจะทานกับเหล้าได้ น้ำอัดลม แล้วก็บุหรี่ ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนเขาจะดูดบุหรี่....ซองเขียวพอได้ของครบแล้วผมก็หิ้วเดินกลับไปหาพวกเขาที่เรือ ตายล่ะชื่ออะไรกันบ้างผมเองก้ไม่ได้ถาม ดูซิคนมีบุญคุณกันแท้ๆ แต่อย่างน้อยผมก็จำชื่อน้องกิตรูปหล่อได้ล่ะ

ถ้าหากเขา ... มีเพียง.....เธอเท่านั้น


ถ้าหากเขา มีเพียง เธอเท่านั้นเธอจะฝัน ถึงเขาไหม ใจใคร่ถามแม้ใจเธอ ไม่มีเขา อยู่ก็ตามแต่ทุกยาม เขายังอยู่ คู่ข้างเธอแล้วเธอจะ ให้โอกาส เขาบ้างไหมจะมีใจ ปรายมองเขา ดูไหมหนอหากเธอรู้ อย่างไรเขา ก็เฝ้ารอหากเขาขอ เพียงอยู่ข้าง ไม่รั้งใจแม้เขารู้ เธอไม่สน คนอย่างเขาคำว่า"เรา" ไม่อาจเกิด ให้เขาหวังแต่เขายัง เห็นเธอเป็น เช่นพลังอาจผิดหวัง อาจพินพัง เขายังรอ

จุดจบของการเเอบรักเพื่อน


ผมเคยแอบรักเพื่อนใหม่ ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันคงเป็นไปไม่ได้เเต่ผมก็ไม่คิดมาก จนเมื่อผ่านหลายๆเหตุการณ์ผมก็รู้สึกผูกพันกัน ผมกับเค้าอาจดูไม่ได้สนิทกันในสายตาคนอื่นเเต่เราสองคนกลับรู้สึกถึงความผูกพัน พอผ่านไปได้ปีกว่าๆตอนท่เราไปเรียนวิชาว่ายน้ำเราก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่มีความสุขไปตัวกัน เเม้เราจะรู้สึกผิดอยู่บ้างเเต่มันก็ไม่อาจห้ามพวกเราได้ ในหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้เรารู้สึกถึงความสุขบางอย่างเเต่มันก็มาผังลง เพราะเค้าเริ่มตีห่างผมรู้สึกแปลกๆจนพูดกับเค้าตรงๆเเต่สิ่งที่เค้าบอกคือคำว่ารับไม่ได้เค้าไม่คิดว่าเค้าจะเป็นเค้าอายเเละบอกให้เราห่างๆกัน เเต่ผมก็พยายามในหลายๆครั้งเเต่ความพยายามของผมก็ไม่สำเร็จผมท้อมากทั้งที่ตอนนี้ผมรู้เเล้วว่าผมรักเค้าเเต่เรากับห่างกัน ผมกับเค้าไม่ได้คุยกันนานเกือบปีผมได้เเต่แอบมองเค้าหรือบางครั้งเค้าก็เเอบมองผม เราทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันผมเสียใจกับการกระทำของเค้ามากผมได้เเต่คิดว่าขอให้เค้ามีความสุขเเค่นั้นก็พอเเล้ว เเค่นั้นก็พอหลังจากนั้นผมก็มีความเหงาเป็นเพื่อนแม้ผมจะมีหลายคนผ่านเข้ามาแต่สุดท้ายผมก็ต้องอยู่กับควมเหงา เหงาต่อไป